พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [2. สังฆาทิเลสกัณฑ์] สังฆาทิเลสสิกขาบทที่ 6 บทภาชนีย์
แม่เจ้า ชายผู้นี้จะถวายสิ่งใดจะเป็นของเคี้ยวหรือของฉันก็ตาม ท่านจงรับประเคน
ของนั้นด้วยมือของตนเองแล้วเคี้ยวหรือฉันเถิด ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุณีรับประเคนตามคำของภิกษุณีนั้นด้วยตั้งใจว่า จะเคี้ยว จะฉัน ต้อง
อาบัติทุกกฏ ฉัน ต้องอาบัติถุลลัจจัยทุก ๆ คำกลืน ฉันเสร็จแล้ว ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสส
คำว่า แม้ภิกษุณีนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสเทียบเคียงภิกษุณีรูปก่อน ๆ
คำว่า ปฐมาปัตติกะ คือ ต้องอาบัติพร้อมกับการล่วงละเมิดวัตถุโดยไม่ต้อง
สวดสมนุภาสน์
คำว่า นิสสารณียะ ได้แก่ ทำให้ถูกขับออกจากหมู่
คำว่า สังฆาทิเสส ความว่า สำหรับอาบัตินั้น สงฆ์เท่านั้นให้มานัต ฯลฯ
ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า สังฆาทิเสส
ภิกษุณีส่งเสริมด้วยกล่าวว่า จงรับประเคนน้ำและไม้ชำระฟัน ต้องอาบัติ
ทุกกฏ ภิกษุณีรับประเคนตามคำของภิกษุณีนั้นด้วยตั้งใจว่า จะเคี้ยว จะฉัน ต้อง
อาบัติทุกกฏ
บทภาชนีย์
[707] ฝ่ายหนึ่งกำหนัด ภิกษุณีส่งเสริมด้วยกล่าวว่า จงเคี้ยวของเคี้ยว
หรือจงฉันของฉันจากมือของยักษ์ เปรต บัณเฑาะก์ หรือสัตว์ดิรัจฉานที่มีกาย
เป็นมนุษย์ ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุณีรับประเคนตามคำของภิกษุณีนั้นด้วยตั้งใจว่า จะเคี้ยว จะฉัน ต้อง
อาบัติทุกกฏ ฉัน ต้องอาบัติทุกกฏทุก ๆ คำกลืน เมื่อฉันเสร็จ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
ภิกษุณีส่งเสริมด้วยกล่าวว่า จงรับประเคนน้ำและไม้สีฟัน ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุณีรับประเคนตามคำของภิกษุณีนั้นด้วยตั้งใจว่า จะเคี้ยว จะฉัน ต้องอาบัติ
ทุกกฏ
พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [2. สังฆาทิเลสกัณฑ์] สังฆาทิเลสสิกขาบทที่ 6 อนาปัตติวาร
อนาปัตติวาร
ภิกษุณีต่อไปนี้ไม่ต้องอาบัติ คือ
[708] 1. ภิกษุณีรู้อยู่ว่า ชายไม่กำหนัด จึงส่งเสริม
2. ภิกษุณีรู้อยู่ว่า นางโกรธ จึงไม่รับประเคน จึงส่งเสริม
3. ภิกษุณีรู้อยู่ว่า นางจะไม่รับประเคนเพราะความเอ็นดูตระกูล
จึงส่งเสริม
4. ภิกษุณีวิกลจริต
5. ภิกษุณีต้นบัญญัติ
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 6 จบ